วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564

“บิ๊กอู๊ด ผบช.สตม.” แถลงผลการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 ม.ค.64 เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู)












ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.

และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรม

ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด


พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชาติชายตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้  


1.สตม. รวบแก๊งคนไทยหลอกขอข้อมูลและรหัส OTP ดูดเงินคนไทยกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท


พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้  

1. นางสาวหทัยกานต์ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ379/2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นโดยประการที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น”

2. นายชนาทิป อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ380/2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นโดยประการที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น”

3. นายอนุชา อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ381/2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นโดยประการที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น”

4. นางสาวสมลักษณ์ อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ384/2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นโดยประการที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น”

5. นายอาลี อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ385/2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นโดยประการที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น”และ“มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย”

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ว่าได้มีคนร้ายทำการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้กับประชาชนที่สนใจ โดยจะทำการหาเหยื่อผ่านทางแอพพลิเคชั่น FACEBOOK ซึ่งเมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะให้เหยื่อทำการแอดไอดีไลน์ ซึ่งเป็นไลน์ที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารและจากนั้นจะทำการขอขอ้มูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขบัญชี รวมทั้งรหัส OTP และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อมอบข้อมูลดังกล่าวให้กลุ่มคนร้ายแล้ว คนร้ายจะทำการเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่น I-BANKING และทำการโอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อไปจนหมด ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มคนไทยที่อยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำรายงานสืบสวนเสนอผู้บังคับบัญชาและส่งให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อทำการออกหมายจับผู้ต้องหา 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายชนาทิปฯ นายอนุชา นางสาวหทัยกานต์ และนายอาลี ได้หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ในอำเภอเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงทำการลงพื้นที่และติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยขณะทำการจับกุมนายอาลี ได้พบว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 79 เม็ด อยู่ในการครอบครอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทราบว่า นางสาวสมลักษณ์ ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ ศปชก.สตม. ได้ทำการสืบสวนขยายผลและติดตามหาผู้เสียหายเพิ่มเติม พบว่าปัจจุบันมีผู้เสียหายคนไทยประมาณ 20 คน โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 

2 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป

2.กก.1 บก.สส.สตม. จับผู้ต้องหาเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวพื้นที่เสี่ยง โควิดระบาด ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี


พ.ต.อ.ชาติชายตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้  

1. นายไว อายุ 59 ปี สัญชาติไทย 

2. MR.HAT อายุ 21 ปี สัญชาติลาว 

3. MR.LINOK อายุ 28 ปี สัญชาติลาว 

พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว 

โดยกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาที่ 1 ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 9/2564 เรื่อง ปิดสถานที่และกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (โดยการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าพื้นที่จังหวัดปทุมธานี)

ผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 9/2564 เรื่อง ปิดสถานที่และกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (เป็นแรงงานเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่จังหวัดปทุมธานี)

พฤติการณ์การกระทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่าจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว

ฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัดซึ่งอาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 

พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 16) และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ 1/2564 ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ไปซุ่มดูบริเวณจุดที่ได้รับแจ้งว่าจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ในเวลาต่อมาได้พบรถยนต์ตู้ของกลางซึ่งมีลักษณะตรงกับที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร จึงได้เรียกให้หยุดแล้วแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจสอบรถยนต์และผู้โดยสารภายในรถ โดย

ก่อนการตรวจสอบได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้คนขับและผู้โดยสารดูจนเป็นที่พอใจแล้ว ผลการตรวจสอบไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่พบผู้โดยสารจำนวน 2 คน คือ MR.HAT และ MR.LINOK เป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว โดยมีนายไว สัญชาติไทย เป็นคนขับรถซึ่งให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากแรงงานต่างด้าวทั้งสองคนให้ไปส่งที่ จว.อุบลราชธานี เพื่อจะเดินทางกลับไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย

ประชาชนลาว ในราคาคนละ 3,000 บาท ซึ่งเป็นการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวโดยฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 9/2564 เรื่อง

ปิดสถานที่และกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา

ให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ดังกล่าวข้างต้นได้รับทราบ และจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จว.ปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


3.สตม. เข้มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ป้องกันโควิด-19 บูรณาการร่วมจับกุมนายหน้าชาวไทยและกัมพูชา 9 ราย


พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันจับกุมขบวนการลับลอนขนแรงงานต่างด้าวตามตะเข็บชายแดนจำนวนหลายราย

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ทหารตำรวจ บูรณาการออกตรวจพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ตามนโยบายสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายของรัฐบาล เมื่อมาถึงบริเวณ   ป่ามันสำปะหลัง ท้ายหมู่บ้านทัพสยาม ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จว.สระแก้ว ได้พบ นส.นุติญา หรือ “เจ๊นุ” ขณะกำลังพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 9 คน มีลักษณะพิรุธน่าสงสัย เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบกลุ่มคนดังกล่าวชาวกัมพูชาทั้ง 9 คน ไม่มีเอกสารการเดินทาง จากการสอบถาม นส.นุติญา รับว่าตนเป็นนายหน้า ได้มารับคนงานชาวกัมพูชาไปส่งยังจุดนัดพบบริเวณป่าข้างชุมชนหมู่บ้านทัพสยาม เพื่อเดินทางไปทำงานยังพื้นที่เมืองชั้นใน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบเสียก่อน โดยตนได้รับค่าจ้างหัวละ 1,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นส.นุติญา (นายหน้าชาวไทย) ว่า “ให้การช่วย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนชาวกัมพูชาทั้งหมด แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าและอยู่ในราชอาณาจักรโยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา จว.สระแก้ว  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป 

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง@Tipp Yo 

#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภท.56 ปี)

#หนังสือพิมพ์ประชาไทออนไลน์

#ธวัชชัยเฟื่องอนันต์รายงาน

#T.Newsman007Online

#ข่าวเป็นข่าวออนไลน์//เอกชัย//รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บุรีรัมย์ – กกล.สุรนารี โดย ผบ.ฉก.ทพ.26 เดินเท้าลงพื้นที่มอบแสงสว่างแห่งความหวังให้ผู้ยากไร้ ตาม “โครงการสานสายใยรักพราน 26” ในพื้นที่ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้สื่อลงพื้นที่ข่าวรายงานว่า                                พันเอก เกียรติศัก...