เมื่อชีวิตประสบพบเจอกับปัญหา ความทุกข์ยาก ทางกาย ทางใจ สิ่งที่จะช่วยให้ผู้ที่ปฏิบัติ สั่งสมความดีพบหนทางแห่งการดับทุกข์ได้นั้น ก็ด้วยบุญจัดสรร ซึ่งพระปริยัติวโรปการ เจ้าอาวาสวัดนาคกลางวรวิหาร กรุงเทพฯ ได้มาแนะเเนวทางในการสั่งสมบุญ ในหัวข้อ “บุญญฤทธิ์” บนเวทีธรรมบรรยาย เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ โดย ซีพี ออลล์ ผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ และเซเว่น อีเลฟเว่น ณ ห้อง 1111AB อาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ ถนนสีลม ที่ผ่านมา
พระปริยัติวโรปการ เล่าว่าท่านเป็นลูกศิษย์ของพระเถระสองรูป คือ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ และหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เริ่มแรกที่ท่านได้พบกับหลวงพ่อคูณพูดกับท่านด้วยภาษาบ้านๆ อย่างมีเมตตา ว่า “ธรรมของพระพุทธเจ้ามีมาก เรียนทั้งชีวิตก็เรียนไม่หมด เรารู้แค่สองอย่างก็พอ คือ รู้ดี และรู้ชั่ว” พระปริยัติวโรปการขยายความที่หลวงพ่อคูณกล่าวไว้ว่า “ถ้ารู้ว่าอะไรดีจะได้ทำดี ถ้ารู้ว่าอะไรชั่วจะได้ละเว้น” คนที่เกิดมาทุกวันนี้ย่อมมาจากการสั่งสมบุญบารมีเป็นของตนเอง ถึงเวลาเมื่อไหร่บุญที่สร้างมาจะออกดอกออกผลเองหลวงพ่อคูณเคยเล่าให้ท่านฟังว่าหลวงพ่อคูณสั่งสมบารมีกว่า 30 ปี กว่าสิ่งที่ท่านสร้างจะกลับมา เวลาท่านพูดอะไร คิดอะไรก็สำเร็จ จึงมีลูกศิษย์มาก เมื่อไปพบหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สอนเรื่องกฎแห่งกรรม และเรื่องการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
พระปริยัติวโรปการจึงอธิบายถึงบุญฤทธิ์ให้ฟังว่า “บุญ” แปลว่า เครื่องชำระ ใครทำบุญคือการชำระ กาย วาจา ใจ ชำระกิเลส ส่วน “ฤทธิ์” แปลว่า แรงของอำนาจ เมื่อมารวมกันคือ แรงอำนาจของสิ่งที่สำเร็จอันเกิดจากบุญ คือ บุญฤทธิ์ ชีวิตเราอยู่ได้เพราะบุญฤทธิ์ “มาดีเพราะมีบุญ อยู่ดีเพราะมีคุณ ไปดีเพราะมีทุน” ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ย่อมไม่ธรรมดา และควรภูมิใจที่เราเกิดมาเป็นคนไทย เป็นชาวพุทธ หากเราไม่มีบุญฤทธิ์ คงไม่ได้เกิดมาสุขสบาย ได้ฟังธรรมเช่นนี้ นี่เป็นเพราะบุญฤทธิ์
ส่วนเรื่องการทำบุญ หรือบุญกริยาวัตถุที่ฆราวาสอย่างเราทำโดยทั่วไปมี 3 อย่าง คือ ทานมัย บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน, ศีลมัย บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล และภาวนามัย บุญสำเร็จได้ด้วยการเจริญภาวนา
ท่านอธิบายว่า ทานมัย มีหลายระดับ ทานแบบเรา คือ ทานทั่วไป มีหลายอย่าง วัตถุสิ่งของ ไม่ใช่วัตถุสิ่งของเช่น ธรรมทาน อภัยทาน คนที่สามารถให้ทานได้เป็นคนมีน้ำใจ โดยเฉพาะอภัยทาน การทำทานเรื่องใจเป็นสิ่งสำคัญ อะไรหลายๆ อย่างสำเร็จที่ใจทั้งนั้น ทาน ทำแล้วเป็นบุญ ต้องอย่าลืมทำทาน
ศีลมัย เรามีศีล 5 ศีล 8 ศีลนั้นมีค่ามากกว่าสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ พื้นฐานศีลที่เรารักษาคือ ศีล 5 ต้องมีไว้ประจำ ชีวิตเราอยู่ที่ไหนจึงจะเป็นสุข และพื้นฐานที่เรารักษากันคือ ศีล 5 ทานแล้วก็ตามมาด้วยศีล 8 ถ้าสังคมไหนไม่มีศีล สังคมนั้นจะเดือดร้อน
ส่วน ภาวนามัย เป็นเรื่องที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก อยู่ที่ไหนก็ภาวนาได้ เริ่มตั้งแต่ฟังธรรมถือเป็นภาวนา สวดมนต์ก็เป็นภาวนา สูงขึ้นมาคือเจริญสมถะภาวนา และวิปัสสนาภาวนา นี่เรียกว่าบุญที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก
หลวงพ่อจรัญเคยสอนว่า ใครมีปัญหาชีวิตให้สวดมนต์ อิติปิโส เท่าอายุ มีอานิสงฆ์ เพราะพระสมัยก่อนท่านสวดเพียงพุทโธ บรรลุอรหันต์มาถึงหลายรูป และท่านสอนให้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน คนใดที่มีทุกข์มากสวดมนต์ไม่ได้ก็ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เพราะจะทำให้เกิดสติ สมาธิ และปัญญา คำสอนของพระพทธเจ้า คือให้เจริญสมาธิจนจิตเป็นสมาธิเราจะรู้ตามความเป็นจริง ก็คือมีปัญญา เมื่อเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้วจะได้ปัญญา
ท่านสรุปเรื่องบุญฤทธิ์ไว้ว่า เรื่องบุญโดยเฉพาะเรื่องภาวนาคนมักจะมองว่าเป็นเรื่องยาก เมื่อเราทำแล้วไม่ใช่เรื่องยาก เราอยู่ที่ไหนก็ภาวนาได้ และมีหลายวิธี อานาปานสติ เป็นวิชาเอกของพระพุทธเจ้า จากมนุษย์ธรรมดาเป็นพระพุทธเจ้า ด้วยอานาปานสติ เป็นวิหารธรรม ให้ทานก่อนกิน รักษาศีลก่อนออกจากบ้าน นั่งกรรมฐานก่อนหลับก่อนนอน แล้วทั้งหมดนี้เป็นบุญ เมื่อเป็นบุญแล้วจะเกิดเป็นบุญฤทธิ์ เป็นบุญจัดสรร คือสิ่งดีงามต่างๆจะเกิดในชีวิตเรา คิดดี พูดดี ทำดี รอบข้างมีแต่คนดีๆ เพราะบุญจัดสรร
สำหรับผู้สนใจร่วมฟังธรรมบรรยายดี ๆ ในโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯติดตามรับชมผ่านระบบ live สด ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00-13:30 น. ทางช่องทาง facebook fanpage CPALL และสามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ช่องทางเดียวกัน
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท. 55 ปี)
#หนังสือพิมพ์ประชาไทออนไลน์
#ธวัชชัยเฟื่องอนันต์รายงาน
#T.Newsman007Online
#เอกชัย//ข่าวเป็นข่าว//รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น